การเลือกลูกธนู
Posted by Tanapat Harikul on
ลูกธนูเป็นอุปกรณ์พื้นฐานที่นักธนูทุกคนต้องมี ถ้าขาดลูกธนูไปก็คงทำการยิงไม่ได้ ถึงแม้ว่าลูกธนูจะมีหน้าที่แค่วิ่งเข้าไปหาเป้า แต่การเลือกใช้ลูกธนูให้เหมาะสมนั้นมีความสำคัญมาก ซึ่งมีหลายเรื่องที่เราต้องดูให้ดีและเลือกให้ถูกต้อง
ลูกธนูจะมีส่วนประกอบหลักๆ 4 ด้วยกันคือ
1. Shaft หรือก้านลูกธนู
2. Nock หรือท้ายลูกธนู ใช้สำหรับเสืยบเข้ากับสายธนู
3. Vane หรือปีกลูกธนูเป็นแผ่นพลาสติก ช่วยในการหมุนของลูกธนู
4. Point หรือหัวลูกธนู มักทำจากโลหะ และมีปลายแหลมเพื่อให้ปักเข้าเป้าได้
ลูกธนูในปัจจุบันมีหลายรุ่น หลายขนาดมาก วัสดุหลักที่ใช้ทำลูกธนูจะมี 2 ชนิดคือคาร์บอนและอลูมิเนียม โดยลูกธนูแต่ละรุ่นแต่ละยี่ห้อก็อาจจะมีลักษณะ หน้าตาของแต่ละชิ้นส่วนแตกต่างกันไป สำหรับการเลือกลูกธนูที่เหมาะสมก็จะมี 3 เรื่องที่เราต้องสนใจ
1. รุ่นของลูกธนู
ถ้าคุณเป็นคนที่เพิ่งเริ่มฝึกยิง จะแนะนำว่าให้เริ่มต้นที่ลูกธนูราคาไม่แพงก่อน เพราะช่วงที่ฝึกใหม่ๆ อาจมีการยิงพลาดหลุดออกจากเป้า ซึ่งถ้าลูกธนูไปชนกับก้อนหินหรือกำแพง อาจจะทำให้ลูกธนูเสียหายได้ ซึ่งถ้าลูกราคาแพงๆ หักไปก็คงจะเสียดายไม่น้อย พอยิงได้เป็นแม่นในระดับนึง แล้วค่อยเปลี่ยนเป็นลูกธนูที่ดีขึ้นอีกที
ลูกธนูโดยทั่วไปจะมีวัสดุที่ใช้ทำ 2 ชนิดด้วยกันคืออลูมิเนียมและคาร์บอน ซึ่งก็มีข้อดีข้อเสียแตกต่างกัน
ลูกธนูอลูมิเนียมจะมีข้อดีคือราคาถูก หักได้ยากและในตอนที่ออกจากโรงงานมาจะตรงมากกว่าลูกคาร์บอน แต่ข้อเสียคือมีโอกาสงอได้ หากถอนจากเป้าไม่ถูกวิธีหรือยิงหลุดเป้าไปโดนหินหรือกำแพง ซึ่งเมื่องอแล้วก็ดัดได้แต่จะไม่ตรง 100% ในขณะที่ลูกคาร์บอนเมื่อยิงพลาดโดนกำแพง จะไม่งอแต่อาจจะแตกปลาย ซึงถ้าลูกธนูมีความยาวมากพอก็สามารถตัดส่วนที่แตกออก
ความแตกต่างระหว่างลูกธนูเกรดธรรมดากับลูกธนูเกรดสูงๆ มีสองอย่างคือวัสดุที่ใช้ผลิตและความเท่ากันของแต่ละลูก แน่นอนว่าวัสดุที่ดีขึ้นจะช่วยให้การวิ่งของลูกธนูนิ่งขึ้น รวมถึงมีอายุการใช้งานนานขึ้น แต่ประเด็นที่สำคัญของลูกธนูเกรดสูงๆ คือความเท่ากันของแต่ละลูก เมื่อซื้อลูกธนูมา 1 โหล เราต้องการให้ทุกลูกมีน้ำหนักใกล้เคียงกันมากที่สุด เพราะความแตกต่างของน้ำหนักแต่ละลูก จะทำให้การทำกลุ่มลูกยากขึ้น ลูกธนูเกรดสูงๆ แต่ละลูกจะมีน้ำหนักต่างกันไม่เกิน 0.5 เกรน (0.03 กรัม) เท่านั้น
ในการเลือกรุ่นของลูกธนู นั้นนอกจากวัสดุและเกรดแล้ว สิ่งที่เราต้องสนใจคือ เรายิงธนูประเภทใด (Compound, Recurve หรือ Traditional) และเราจะใช้ในการยิงระยะใด
ลูกธนูบางรุ่นก็ถูกออกแบบมาให้ไช้กับธนูได้ทุกประเภท แต่บางรุ่นก็จะเหมาะกับธนูประเภทใดประเภทหนึ่งเท่านั้น จึงต้องเลือกให้เหมาะสม
ดูข้อมูลของลูกธนูรุ่นต่างๆ ได้ทีนี่
ส่วนเรื่องระยะการยิง นั้นในแต่ละระยะ จะต้องการลูกธนูที่มีลักษณะแตกต่างกัน (ข้อนี้เน้นไปที่การแข่งขันของนักกีฬาเป็นหลัก สำหรับผู้ที่เริ่มต้นยิงอาจจะยังไม่ต้องสนใจส่วนนี้ เพราะในช่วงแรกเราจะเริ่มจากการยิงระยะใกล้ๆก่อน ซึ่งสามารถใช้ลูกธนูได้ทุกขนาด)
– การยิงระยะใกล้ (18 m, 25 m) นักกีฬา ส่วนใหญ่จะนิยมใช้ลูกธนูที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางใหญ่ เนื่องจากต้องการให้ลูกธนูมีโอกาสได้แต้มที่สูงขึ้น แต่นักกีฬาบางส่วน (โดยเฉพาะนักกีฬา Recurve ที่ใช้น้ำหนักปอนด์ต่ำ) จะใช้ลูกธนูขนาดเล็ก เพราะต้องการให้ลูกธนูมีความเร็วสูง (ลูกใหญ่ขึ้นจะวิ่งช้าลง)
– การยิงระยะไกล (50 m, 70 m) ลมจะเป็นปัจจัยที่มีผลกับการวิ่งของลูกธนูมาก ดังนั้นจะต้องใช้ลูกธนู ที่มีขนาดเล็ก เพื่อให้วิ่งได้เร็วและลมก็จะมีผลน้อยกว่า
2. ความแข็งของลูกธนู (Shaft Spine, เบอร์ลูกธนู)
ความแข็งของลูกธนูคือสิ่งที่บอกว่าลูกธนูนี้สามารถรับแรงได้มากแค่ไหน คันธนูที่น้ำหนักดึงมากก็จะส่งแรงไปที่ลูกธนูได้มาก เช่นเดียวกับระยะดึง ยิ่งดึงยาว แรงส่งก็จะยิ่งมาก ดังนั้นการเลือกความแข็งของลูกธนูเราจะต้องทราบทั้ง น้ำหนักดึงของธนูและระยะดึงของผู้ยิง
ลูกธนูแต่ละรุ่นจะมีการผลิต ความแข็งในช่วงที่ต่างกัน ดังนั้นลูกธนูบางรุ่นก็อาจจะไม่มีความแข็งที่เราต้องการ โดยลูกธนูส่วนใหญ่จะบอกความแข็งเป็นตัวเลขที่เรียกกันว่าเบอร์ลูกธนู ซึ่งแต่ละยี่ห้อก็จะมีระบบเบอร์ลูกธนูที่ต่างกันออกไป การเลือกเบอร์นี้จะต้องดูจากตารางเบอร์ลูกธนูของแต่ละยี่ห้อ
การเลือกความแข็งเป็นเรื่องที่สำคัญมาก หากเลือกใช้ความแข็งต่ำเกินไปมาก เมื่อยิงออกไปอาจทำให้ลูกธนูหักกลางอากาศได้เลย ซึ่งอันตรายมากต่อผู้ยิงเองและคนรอบข้าง หากไม่แน่ใจจึงควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนการซื้อและนำไปใช้
3. ส่วนต่างๆของลูกธนู
ปีกลูกธนู
ปีกลูกธนูเป็นส่วนที่ทำให้ลูกธนูหมุนและวิ่งได้เสถียร โดยจะมี 2 แบบด้วยกันคือปีกยางและปีกขนนก การเลือกจะต้องเลือกวัสดุและขนาดของปีก โดยขึ้นอยู่กับประเภทของคันและขนาดของลูกธนู
– คัน Traditional ที่เป็นธนูไม้ จะต้องใช้ปีกขนนก เพราะการยิงปีกยาง จะทำให้ตัวคันเป็นรอยได้ เนื่องจากธนู Traditional จะไม่มี Arrow Rest (ที่วางลูกธนู) ส่วนเรื่องขนาดของปีกนั้นเลือกให้เหมาะกับขนาดลูกธนู ถ้าลูกเล็กก็ควรใช้ปีกเล็ก (3 นิ้ว) ลูกใหญ่ก็ใช้ปีกใหญ่ (4 ถึง 5 นิ้ว)
– คัน Recurve และ Compound จะนิยมใช้ปีกยางขนาดเล็ก (1.5 ถึง 2 นิ้ว) กับลูกธนูขนาดเล็กสำหรับการยิงระยะไกล สำหรับลูกขนาดใหญ่ที่ใช้ยิงระยะใกล้ จะใช้ปีกยางหรือปีกขนนกขนาดใหญ่ (3 ถึง 4 นิ้ว)
ข้อดีของปีกลูกธนูแบบขนนกคือจะช่วยให้ลูกธนูตั้งตัวได้เร็วกว่าปีกยาง แต่ลูกธนูจะวิ่งช้าลง และปีกขนนกถ้าเปียกน้ำจะใช้ยิงไม่ได้ ทำให้เหมาะสำหรับการยิงระยะใกล้ในร่มมากกว่า
ปีกลูกธนูอีกแบบหนึ่งซึ่งเป็นที่นิยมของนักกีฬา Recurve คือปีกแบบ Spin Wing ซึ่งเป็นปีกลูกธนูแบบโค้ง ออกแบบมาเพื่อการยิงระยะไกล เนื่องจากจากปีกลักษณะนี้จะทำให้ลูกธนูหมุนมากกว่าปีกลูกธนูแบบปกติ ทำให้การทรงตัวของลูกดีขึ้นแต่ก็มีข้อเสียคือจะทำให้ลูกธนูวิ่งช้าลง ดังนั้นจึงจะเหมาะกับคันธนู Recurve ที่มีน้ำหนักดึงประมาณ 30 ปอนด์ขึ้นไปเท่านั้น
ท้ายลูกธนู (nock) และหัวลูกธนู (point)
เนื่องจากลูกธนูมี่หลากหลายขนาด ดังนั้นลูกธนูแต่ละรุ่นแต่ละยี่ห้อ จะใช้ขนาดท้ายและหัวลูกธนูแตกต่างกัน หรือแม้แต่ลูกธนูรุ่นเดียวกัน แต่ความแข็งต่างกันก็จะใช้ส่วนประกอบที่ไม่เหมือนกัน ลูกธนูบางรุ่นจะมีมาให้ครบทั้งท้ายลูกและหัวลูกในชุดเลย แต่บางรุ่นก็แยกจำหน่ายต่างหาก ดังนั้นก่อนจะเลือกซื้อลูกธนู ควรดูข้อมูลให้ละเอียด
การตรวจสอบลูกธนูก่อนการใช้งาน
นอกจากการเลือกธนูให้เหมาะสมแล้ว เพื่อความปลอดภัยควรตรวจสอบสภาพลูกธนูก่อนการใช้งานทุกครั้ง ว่ามีรอยร้าว หรือไม่ และควรใช้ลูกธนูที่มีความยาวมากกว่าระยะดึงของนักธนู
สุดท้ายแล้วการเลือกลูกธนูให้ถูกต้องนั้นสำคัญมาก มีหลายสิ่งที่เราต้องคำนึงถึง เพราะลูกธนูมีมากมายหลายรุ่น ตั้งแต่ลูกธนูสำหรับมือใหม่ฝึกยิงไปจนถึงลูกธนูระดับแข่งขัน ต้องมีการเลือกความแข็งที่เหมาะสมกับผู้ยิง และเลือกส่วนประกอบของลูกธนูให้เหมาะกับการใช้งาน